​เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพในประเทศไทย คนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับสองระบบหลัก ได้แก่ “ประกันสุขภาพ” และ “สิทธิประกันสังคม” แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองระบบนี้แตกต่างกันอย่างไร และควรมีทั้งสองหรือไม่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างและความสำคัญของแต่ละระบบอย่างละเอียด​ครับ

ประกันสุขภาพคืออะไร?

ประกันสุขภาพเป็นการทำสัญญาระหว่างผู้เอาประกันและบริษัทประกันภัย โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายเดือนหรือรายปี เพื่อแลกกับความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพมีความยืดหยุ่นสูง ผู้เอาประกันสามารถเลือกแผนความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้​

สิทธิประกันสังคมคืออะไร?

สิทธิประกันสังคมเป็นระบบที่รัฐจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองด้านสวัสดิการแก่ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานในสถานประกอบการและมีการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน สิทธิประกันสังคมครอบคลุมการรักษาพยาบาล เงินทดแทนกรณีว่างงาน เงินชราภาพ และสวัสดิการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน​

ความแตกต่างระหว่างประกันสุขภาพและสิทธิประกันสังคม

  1. การเข้าถึงบริการทางการแพทย์
    • ประกันสุขภาพ: ผู้ถือกรมธรรม์สามารถเลือกสถานพยาบาลได้ตามความต้องการ ไม่จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลที่กำหนด ทำให้มีความยืดหยุ่นในการรับบริการ​
    • สิทธิประกันสังคม: ผู้ประกันตนต้องเลือกโรงพยาบาลตามที่ลงทะเบียนไว้ และจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนั้นเป็นหลัก กรณีฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย​
  2. ค่าใช้จ่าย
    • ประกันสุขภาพ: ผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยประกันตามแผนความคุ้มครองที่เลือก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามระดับความคุ้มครอง​
    • สิทธิประกันสังคม: ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือนตามเงื่อนไขที่กำหนด จึงจะสามารถใช้สิทธิได้​
  3. ความคุ้มครองเพิ่มเติม
    • ประกันสุขภาพ: สามารถเลือกแผนที่ครอบคลุมการรักษาเฉพาะทาง หรือโรคร้ายแรงได้ตามความต้องการ
    • สิทธิประกันสังคม: นอกจากการรักษาพยาบาลแล้ว ยังมีสวัสดิการอื่น ๆ เช่น เงินทดแทนกรณีว่างงาน เงินชราภาพ และค่าคลอดบุตร​
  4. การทำฟัน
    • ประกันสุขภาพ: ความคุ้มครองด้านทันตกรรมขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก บางแผนอาจครอบคลุม บางแผนอาจไม่ครอบคลุม​
    • สิทธิประกันสังคม: ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ได้ไม่เกิน 900 บาทต่อปี​

ควรมีทั้งสองหรือไม่?

การตัดสินใจว่าจะมีทั้งประกันสุขภาพและสิทธิประกันสังคมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น

  • สถานะการทำงาน: หากคุณเป็นลูกจ้างในระบบ คุณจะมีสิทธิประกันสังคมโดยอัตโนมัติ แต่หากคุณเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ คุณอาจต้องพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม​
  • ความต้องการด้านสุขภาพ: หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องการการดูแลเฉพาะทาง การมีประกันสุขภาพเพิ่มเติมอาจเป็นทางเลือกที่ดี​
  • งบประมาณ: การมีทั้งสองระบบจะเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่ก็จะเพิ่มความคุ้มครองและความยืดหยุ่นในการรับบริการทางการแพทย์​

สรุป

สิทธิประกันสังคมและประกันสุขภาพมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งการเข้าถึงบริการ ค่าใช้จ่าย และความคุ้มครองเพิ่มเติม การเลือกใช้ระบบใดหรือทั้งสองระบบขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานะของแต่ละบุคคล การมีประกันสุขภาพเพิ่มเติมสามารถเสริมความคุ้มครองและความยืดหยุ่นในการรับบริการทางการแพทย์ได้ แต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาประกันสุขภาพดีๆ เช่น “บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ พรีเมียร์” ประกันสุขภาพใหม่ล่าสุดแบบเหมาจ่าย จากกรุงเทพประกันชีวิต สามารถติดต่อตัวแทนกรุงเทพประกันชีวิต ได้ที่ ไลน์ @AGBK ได้เลยครับ